ITC โชว์ผลงานปี 2567 กวาดรายได้สุดปังทะลุ 1.7 หมื่นล้าน กำไร 3.6 พันล้าน โต 58 เปอร์เซ็นต์ พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.75 บาทต่อหุ้น | i-Tail Corporation

ITC โชว์ผลงานปี 2567 กวาดรายได้สุดปังทะลุ 1.7 หมื่นล้าน กำไร 3.6 พันล้าน โต 58 เปอร์เซ็นต์ พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.75 บาทต่อหุ้น

13 กุมภาพันธ์ 2568
ITC โชว์ผลงานปี 2567 กวาดรายได้สุดปังทะลุ 1.7 หมื่นล้าน กำไร 3.6 พันล้าน โต 58 เปอร์เซ็นต์  พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.75 บาทต่อหุ้น

กรุงเทพมหานคร – 13 กุมภาพันธ์ 2568 - บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC รายงานผลการดำเนินธุรกิจประจำปี 2567 มีรายได้จากการขายรวมที่ 17,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวแข็งแกร่งถึง 27.7 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,597 ล้านบาท เติบโต 57.7 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกและการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียม ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอยู่ที่ 0.75 บาทต่อหุ้น ทำให้การจ่ายเงินปันผลตลอดปีอยู่ที่ 1.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลที่ 95.9 เปอร์เซ็นต์

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2567 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งสำหรับไอ-เทล ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในภาพรวมแม้ว่าจะยังคงเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่การบริโภคสินค้ากลุ่มพรีเมียมมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของกลุ่ม Pet Parent ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลและมอบโภชนาการที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของตน บริษัทฯ มองเห็นโอกาสของตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เราได้นำนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญมาใช้ในการพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 การดำเนินธุรกิจของไอ-เทลมีรายได้จากยอดขายที่ 4,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 790 ล้านบาท นอกจากนี้ ไอ-เทล ยังได้เดินหน้าโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อเร่งการเติบโต โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง ด้วยนวัตกรรมและกระบวนการผลิตที่ทันสมัย โดยมีเป้าหมายการเพิ่มรายได้เป็นสามเท่า อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ทั้งจากการเติบโตจากการดำเนินงานปกติและการควบรวมกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก

ในปี 2567 ไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในอเมริกาคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 34 เปอร์เซ็นต์ และยุโรปอยู่ที่ 16 เปอร์เซ็นต์ โดยสามารถแบ่งสัดส่วนของยอดขายตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 70 เปอร์เซ็นต์ อาหารสุนัข 18 เปอร์เซ็นต์ ขนมของสัตว์เลี้ยง 12 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงออกสู่ตลาดกว่า 1,300 รายการ สร้างรายได้ 1,395 ล้านบาท คิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยการเซ็นสัญญาทางธุรกิจกับลูกค้ารายใหม่ทั่วโลกอีก 83 รายอีกด้วย

“ในปี 2568 นี้ ไอ-เทล มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อการขยายธุรกิจในตลาดโลกและการเติบโตในธุรกิจ private label โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ และยุโรป โดยเรายังคงยึดมั่นการให้ความสำคัญกับลูกค้าและสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลาง และเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเปียก ขนมทานเล่น และอาหารกลุ่ม functional สำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเสริมอาหารและโภชนบำบัด (nutraceutical) เพื่อการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืน ” นายพิชิตชัยกล่าวทิ้งท้าย